ประวัติ ของ วัคซีน rVSV-ZEBOV

บริเวณที่ "ไวรัสอีโบลาแอฟริกาตะวันตก" ได้เริ่มต้นแล้วติดต่อในประเทศข้างเคียง ในที่สุดทำให้คนติดโรค 28,000 รายโดยร้อยละ 45 เสียชีวิต

สำนักงานสาธารณสุขแห่งชาติแคนาดา (PHAC) ได้สร้างวัคซีนนี้ขึ้นและ PHAC ก็ได้สิทธิบัตรในปี 2003[12][30]ระหว่างปี 2005-2009 มีการทดลองในสัตว์ 3 งานที่ได้ตีพิมพ์ ทั้งหมดได้ทุนจากรัฐบาลแคนาดาและสหรัฐ[24]ในปี 2005 การฉีดวัคซีน EBOV หรือ MARV ในกล้ามเนื้อครั้งหนึ่งพบว่า ทำให้ภูมิคุ้มกันในลิงแสมตอบสนองโดยมีผลป้องกันอย่างสมบูรณ์ต่อการติดเชื้อไวรัสอีโบลา (EBOV) และไวรัสมาร์บวร์ค (MARV) เฉพาะโรค ๆ ที่ปกติทำให้ถึงตาย[31][32]

ในปี 2010 PHAC ได้ให้สัญญาอนุญาตทรัพย์สินทางปัญญาเกี่ยวกับวัคซีนแก่บริษัทสหรัฐเล็ก ๆ คือ Bioprotection System ซึ่งเป็นบริษัทสาขาของนิวลิงก์เจเนติกส์ โดยได้เงินตอบแทน 205,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 6.7 ล้านบาท) และค่าสิทธิในอัตราร้อยละที่เป็นเลขโดดน้อย ๆ[33]บริษัทนิวลิงก์ได้ทุนมาจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐ (จากสำนักงาน Defense Threat Reduction Agency) เพื่อพัฒนาวัคซีนหลายอย่าง[12][34][35]

การระบาดใหญ่สุดของไวรัสอีโบลาได้เกิดในเดือนธันวาคม 2013 ในประเทศกินีในแอฟริกาตะวันตก[36]วันที่ 12 สิงหาคม องค์การอนามัยโลกตัดสินว่า การให้วัคซีน RVSV-ZEBOV (ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้ทดสอบในมนุษย์) แก่ผู้ติดไวรัสอีโบลาเป็นเรื่องถูกจริยธรรม รัฐบาลแคนาดาจึงได้บริจาควัคซีน 500 เข็มต่อองค์การ[37][38]จนถึงเดือนตุลาคม 2014 บริษัทนิวลิงก์ก็ยังไม่ได้ผลิตวัคซีนและก็ไม่มีแผนทดลองในมนุษย์ จึงมีการร้องให้รัฐบาลแคนาดาบอกเลิกสัญญา[33]นิวลิงก์จึงได้ตั้งคณะกรรมการอำนวยการจากองค์กรที่มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมทั้ง PHAC, สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐและองค์การอนามัยโลก เพื่อวางแผนการทดลองทางคลินิกของวัคซีน[39][40]

ในเดือนตุลาคม 2014 นิวลิงก์ก็เริ่มการทดลองทางคลินิกระยะ 1 ของวัคซีนในอาสาสมัครผู้มีสุขภาพดีเพื่อประเมินการตอบสนองของภูมิต้านทาน ระบุผลข้างเคียง และกำหนดขนาดยา[34][41][42]ซึ่งทำในประเทศกาบอง เคนยา เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐ และแคนาดา[43][44]ในเดือนพฤศจิกายน 2014 บริษัทได้ให้อนุญาตผูกขาดของวัคซีนแก่บริษัทเมอร์ค[13]โดยได้เงินตอบแทน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,600 ล้านบาท) บวกค่าสิทธิ[45]

งานศึกษาระยะ 1 เริ่มด้วยขนาดสูงซึ่งเป็นเหตุเกิดข้ออักเสบและปฏิกิริยาทางผิวหนังในคนบางพวก และก็พบไวรัสของวัคซีนที่ไขข้อของคนที่มีปัญหาการทดลองจึงยุติเพราะเหตุนั้น แล้วแนะนำให้ใช้ขนาดน้อยกว่า[46]

ในเดือนมีนาคม 2015 การทดลองทางคลินิกระยะ 2 และระยะ 3 จึงเริ่มในประเทศกินีพร้อม ๆ กันการทดลองระยะ 2 มุ่งที่แพทย์พยาบาลผู้ทำงานกับผู้ติดโรค ในขณะที่การทดลองระยะ 3 ให้วัคซีนแก่คนรอบข้างผู้ติดโรค (ring vaccination)[47][48]รายงานขององค์การอนามัยโลกปี 2015 ในวารสารเดอะแลนซิตเสนอว่า วัคซีนมีประสิทธิศักย์ (efficacy) สูง จึงยกเลิกกลุ่มควบคุมเพราะเหตุทางจริยธรรม และจะขยายจำนวนอาสาสมัคร[49]แต่รายงานในวารสารเดอะแลนซิตปี 2018 ต่อมาก็ได้ตั้งข้อสงสัยในรูปแบบการทดลองและประสิทธิศักย์สูงที่พบในงานศึกษานี้[50]

ในเดือนมกราคม 2016 องค์กรพันธมิตรวัคซีน GAVI Alliance ได้เซ็นสัญญากับบริษัทเมอร์ค ซึ่งเมอร์คได้ตกลงจะให้วัคซีน VSV-EBOV แก่องค์กรเมื่อไวรัสอีโบลาเกิดระบาดในอนาคต โดยได้เงินตอบแทน5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 176 ล้านบาท)ซึ่งบริษัทจะใช้ทำการทดลองทางคลินิกและยื่นเรื่องให้องค์กรควบคุมเพื่ออนุมัติวัคซีนในเวลาเดียวกัน บริษัทได้ยื่นเรื่องแก่องค์การอนามัยโลกตามโปรแกรม Emergency Use Assessment and Listing (EUAL) เพื่อให้สามารถใช้วัคซีนได้เมื่อเกิดโรคระบาด[51]ซึ่งก็ได้ใช้เป็นมาตรการฉุกเฉินในประเทศกินีในเดือนมีนาคม 2016[15]การทดลองระยะ 3 ในประเทศกินีต่อมาจึงได้ตีพิมพ์ในเดือนธันวาคม 2016ซึ่งสื่อได้เผยแพร่อย่างกว้างขวางว่า วัคซีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเกือบเต็มร้อย[52][53]แม้ในเวลานั้นก็ยังไม่มีวางขายทั่วไปในตลาด[54]

ในเดือนเมษายน 2017 คณะกรรมการแพทยศาสตรบัณฑิตยสถานแห่งชาติสหรัฐ (NAM) ได้ตีพิมพ์งานทบทวนการรับมือกับการระบาดของไวรัสอีโบลา โดยกล่าวถึงว่า วัคซีนแคนดิเดตได้คัดเลือกเพื่อทดลองทางคลินิกด้วยวิธีเช่นไร ได้ออกแบบการทดลองและดำเนินการอย่างไร และทบทวนข้อมูลที่ได้จากการทดลองคณะกรรมการพบดว่า ข้อมูลที่ได้จากการทดลองในประเทศกินีระยะ 3 ตีความได้ยากเพราะเหตุหลายอย่างรวมทั้งการทดลองไม่มีกลุ่มที่ใช้ยาหลอกเพราะได้เว้นไปเพราะเหตุทางจริยธรรมโดยที่ทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้องรวมทั้งคณะกรรมการเองด้วยก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจที่ทำจึงเหลือแต่กลุ่มที่ให้วัคซีนทีหลังเป็นกลุ่มควบคุม แต่กลุ่มนี้ก็เลิกไปเช่นกันหลังจากการวิเคราะห์ในระหว่างานพบว่าวัคซีนให้ผลป้องกันในระดับสูง จึงทำให้ผลการทดลองไม่มีกำลังทางสถิติคณะกรรมการพบว่า ถ้าวิเคราะห์ด้วยวิธี intention-to-treat analysis (การวิเคราะห์ความตั้งใจจะรักษา) วัคซีน rVSV-ZEBOV อาจไม่มีประสิทธิศักย์เลย แต่ก็เห็นด้วยกับผู้ทำงานศึกษาในเดือนธันวาคม 2016 ว่า ยาน่าจะมีประสิทธิศักย์บางส่วน แต่ก็ลงความเห็นว่า ข้ออ้างว่าวัคซีนมีประสิทธิศักย์มากหรือ 100% ไม่มีหลักฐาน[52]

ในเดือนเมษายน 2019 หลังจากได้ติดตามการให้วัคซีนคนรอบข้างผู้ติดโรคในการระบาดในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ผลเบื้องต้นแสดงว่า วัคซีนมีประสิทธิผลระงับการระบาดของอีโบลาร้อยละ 97.5 เทียบกับเมื่อไม่ได้ให้วัคซีน[7][8]ในเดือนกันยายน 2019 องค์การอาหารและยาสหรัฐได้รับใบสมัครอนุญาตเวชภัณฑ์ทางชีวภาพ (Biologics License Application) เพื่อทบทวนข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนอย่างรีบด่วน[55]

ในเดือนตุลาคม 2019 สำนักงานเวชกรรมยุโรป (EMA) ได้แนะนำให้อนุญาตวางตลาดอย่างมีเงื่อนไข (conditional marketing authorization) แก่วัคซีน rVSV-ZEBOV-GP[56][57][58]ในเดือนพฤศจิกายน 2019 คณะกรรมาธิการยุโรปจึงได้อนุมัติให้อนุญาตวางตลาดอย่างมีเงื่อนไขแก่วัคซีนเออร์เวโบ[3][59]และองค์การอนามัยโลกก็ได้รับรองวัคซีนอีโบลาล่วงหน้า (prequalified) เป็นครั้งแรก[60]

ในเดือนธันวาคม 2019 เออร์เวโบก็อนุมัติให้ใช้ในสหรัฐ[10]การอนุมัติให้ใช้สำหรับสำหรับบุคคลอายุ 18 ปีหรือยิ่งกว่าได้หลักฐานจากงานศึกษาในประเทศกินีเมื่อโรคระบาดในปี 2014-2016[10]เป็นงานศึกษาแบบสุ่มที่คนข้างเคียงผู้ยืนยันทางแหล็บว่าได้ติดโรคไวรัสอีโบลา และคนข้างเคียงของคนข้างเคียงอีกทีหนึ่งรวมกัน 3,537 คนได้รับวัคซีนเออร์เวโบ "ทันที" หรือ "ช้าไป 21 วัน"[10]การออกแบบที่น่าสนใจนี้มุ่งระบุเครือข่ายสังคมและตำแหน่งที่อยู่ซึ่งอาจเป็นที่อยู่อาศัยหรือที่ทำงาน ของคนไข้เมื่อมีอาการของโรค หรือครอบครัวที่ได้มาพบเจอกับคนไข้ในช่วงที่ป่วยหรือตาย[10]เมื่อเทียบกรณีคนติดโรคในบรรดา 2,108 คนผู้ได้วัคซีนทันที กับคนอีก 1,429 คนที่ได้วัคซีนแบบล่าช้า เออร์เวโบพบว่ามีประสิทธิผลเต็มร้อยในการป้องกันกรณีโรคอีโบลาที่เกิดอาการ 10 วันหรือยิ่งกว่าหลังได้วัคซีน[10]คือไม่มีคนได้วัคซีนที่เกิดอาการหลัง 10 วันจากวันที่ได้วัคซีนในกลุ่มที่ได้ทันที เทียบกับกรณีติดโรค 10 คนในกลุ่มที่ได้วัคซีนล่าช้าไป 21 วัน[10]

ในงานศึกษาต่อ ๆ มา การตอบสนองของร่างกายทางสารภูมิต้านทานเหตุเออร์เวโบได้ประเมินในคนประเทศไลบีเรีย 477 คน บวกอีกประมาณ 500 คนในเซียร์ราลีโอน บวกอีกประมาณ 900 คนในแคนาดา สเปน และสหรัฐ[10]แล้วพบว่า การตอบสนองทางภูมิต้านทานในคนประเทศแคนาดา สเปน และสหรัฐก็คล้ายกับบุคคลในไลบีเรียและเซียร์ราลีโอน[10]ความปลอดภัยของวัคซีนได้ประเมินกับคนประมาณ 15,000 คนในแอฟริกา ยุโรป และอเมริกาเหนือ[10]ผลข้างเคียงมากสุดก็คือจุดที่ฉีดเจ็บหรือบวมแดง ปวดหัว เป็นไข้ ปวดเมื่อยตามข้อและกล้ามเนื้อ และล้า[10]องค์การอาหารและยาสหรัฐจึงได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนเออร์เวโบแก่บริษัทเมอร์ค[10]ต่อมาบริษัทจึงยุติการพัฒนาวัคซีนแบบ rVSV ที่เกี่ยวข้องกันสำหรับไวรัสมาร์บวร์ค (rVSV-MARV) และไวรัสอีโบลาซูดาน (rVSV-SUDV)แล้วคืนสิทธิสำหรับวัคซีนเหล่านี้แก่ PHACแต่ความรู้ในการพัฒนาวัคซีน rVSV ที่บริษัทได้ด้วยทุนของ GAVI ก็ยังเป็นของบริษัทที่คนอื่นไม่สามารถใช้เพื่อพัฒนาวัคซีน rVSV อื่น ๆ ได้[61]

ใกล้เคียง

วัคซีน วัคซีนโควิด-19 วัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์-ไบออนเทค วัคซีนโควิด-19 ของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า วัคซีนเชื้อลดฤทธิ์ วัคซีนโควิด-19 ของโมเดอร์นา วัคซีนอาร์เอ็นเอ วัคซีนโควิด-19 สปุตนิกวี วัคซีนดีเอ็นเอ วัคซีนโควิด-19 ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน

แหล่งที่มา

WikiPedia: วัคซีน rVSV-ZEBOV http://www.cbc.ca/news/health/canadian-ebola-vacci... http://www.cbc.ca/news/world/ebola-outbreak-1st-hu... http://www.phac-aspc.gc.ca/id-mi/vhf-fvh/licen-rec... http://www.hug-ge.ch/ebola-vaccine-candidate/faqs-... http://www.hug-ge.ch/ebola-vaccine-candidate/faqs-... http://www.biopharma-reporter.com/Bio-Developments... http://www.fiercevaccines.com/story/bloomberg-newl... http://www.genengnews.com/gen-news-highlights/merc... http://scholar.google.com/scholar?q=Yasumura+Kawak... http://www.google.com/patents/WO2004011488A2?cl=en